อ่านหนังสือหมื่นเล่มหรือจะสู้การเดินทางหมื่นลี้ 读万卷书,行万里路

Categories: sclc-ชีพจรจีน

คอลัมน์ออนไลน์ "ชีพจรจีน" ประจำเดือนมกราคม 2566

เรื่อง อ่านหนังสือหมื่นเล่มหรือจะสู้การเดินทางหมื่นลี้ 读万卷书,行万里路

โดย อาจารย์สุจิตตรา พลธิแสง

ได้ข่าวว่าประเทศจีนกำลังจะเปิดแล้ว ได้จัดทริปเที่ยวกันบ้างหรือยัง?

     หลายคนบอกว่าความหมายของการเดินทางนั้นคือการไปดื่มด่ำกับจุดหมายปลายทางที่เราตั้งไว้ แต่สำหรับตัวดิฉัน การดื่มด่ำเริ่ม ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง ระหว่างทาง จนไปถึงปลายทาง ตลอดระยะเวลาในการไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน ดิฉันถือว่าเป็นผู้ที่รักในการเดินทางคนหนึ่ง อ่านหนังสือหมื่นเล่มริจะสู้เดินทางหมื่นลี้ พูดดูเหมือนง่าย ระยะทางหมื่นลี้ต้องใช้ค่าเดินทางมากขนาดไหนกัน วันนี้ดิฉันจะเล่าประสบการณ์การเดินทางตามรถไฟสายหนึ่งที่ประเทศจีน  ซึ่งเดินทางผ่านทั้งหมดห้ามณฑล ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางหมื่นลี้ที่ใช้เงินไม่ถึงหมื่นหยวน

สถานนีแรก สุสานจิ้นซีฮ่องเต้

     หนึ่งในความยิ่งใหญ่อลังการที่เราเคยสัมผัสมาจากหนังสือสมัยเรียน ไม่คิดเลยว่าเมื่อมาเจอสถานที่จริงจะทำให้เราตกตะลึงเป็นร้อยเท่า มากกว่าที่คิดไว้มาก จากที่แพลนจะเที่ยวที่นี่เพียงสามชั่วโมง แต่ความจริงกลับเที่ยวหนึ่งวันเต็มๆ จากที่เคยคิดว่าที่น่าจะเหมือนโกดังเก็บรูปปั้นดินเผาขนาดใหญ่ แต่หารู้ไม่ว่าที่เราเห็นในรูปภาพเหมือนดูไม่ใหญ่ แต่ความจริงแล้วกว้างใหญ่และยาวเหยียดไกลจนเกือบสุดลูกหูลูกตา แถมยังเป็นแค่บางส่วนเท่านั้นที่เรามองเห็น ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้ทำการขุดขึ้นมา เนื่องจากข้อจำกัดทางการเก็บรักษาด้านวิทยาศาสตร์

     พอเดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ ก็เหมือนตัวเองโดนดูดเข้าไปอยู่ในยุคสมัยนั้น คือยุคฉินจริง ๆ เราจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ และความอัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่มีสุสานทหารม้า ทหารแต่ละนายมีส่วนสูง สีหน้า แม้กระทั้งรอยยับบนชุดก็มีความแตกต่างกัน สถานที่นี้มีเนื้อที่มากถึง 2500 ตารางเมตร เป็นสถานที่ที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 39 ปี ใช้คนสร้างถึง 720,000 คน รูปปั้นดินเผานับพันนับหมื่นเหล่านี้ถูกนำลงไปฝั่งในสุสานได้ด้วยวิธีใด? หากเป็นในปัจจุบัน การสร้างเนื้อที่ขนาดนี้อาจดูเป็นเรื่องง่าย เพราะเรามีอุปกรณ์การก่อสร้างที่ครบครับ แต่สุสานแห่งนี้สร้างในยุคสมัยก่อน คือเวลา 2000 ปีก่อน ไม่คิดแปลกใจเลยที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้จะถูกนับเป็นหนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

สถานีที่สอง หลานโจว

黄河之水天上来,奔流到海不复回(李白)

     หลี่ไป๋ กวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถังกล่าวว่า "น้ำในแม่น้ำเหลืองไหลมาจากฟากฟ้า และจะมิไหลกลับคืนสู่ทะเล" ดิฉันเดินทางจากเมืองซีอานมาถึงเมืองหลานโจว เพื่อมาดู "น้ำที่ไหลลงมาจากฟ้า" ตามคำของหลี่ไป๋ ว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร แท้ที่จริงคำว่า "ไหลจากฟ้า " ก็คือต้นน้ำที่ไหลลงมาพื้นที่ราบสูงแถบทิเบต จึงทำให้แม่น้ำเป็นสีเหลือง เพราะมีดินโคลนเป็นจำนวนมาก มิน่าล่ะ! คนจีนถึงมีคำกล่าวว่า "กระโดดลงแม่น้ำฮวงโหวล้างอย่างไรก็ไม่หมดจด " ก็เหลืองซะขนาดนี้จะให้ใสสะอาดได้อย่างไร เอ๊ะ! มาหลานโจวเพื่อมาดูแม่น้ำฮวงเองเหรอ เมืองอื่นก็มีนะ ทำไมต้องเป็นเมืองหลานโจว เพราะหลานโจวมีก๋วยเตี๋ยวเนื้อยังไงล่ะ!(兰州牛肉面)นึกภาพตามนะคะ นั่งริมแม่น้ำฮวงโหวที่มีสายลมแห่งอารยธรรมพัดโชยมา ฟังเสียงคลื่นซัดกระทบฝั่ง และ มองดูผิวน้ำที่ดูดุดันมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เปรียบเสมือนประเทศจีนที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ สมแล้วที่แม่น้ำเหลืองหรือแม่น้ำฮวงโหวที่มีความยาวเป็นอันดับสองของประเทศจีนสายนี้ จะถูกคนจีนขนานนามว่าเป็นแม่น้ำที่เปรียบเหมือนแม่ของพวกเขา

สถานีที่สาม จางเย่

     ออกจากหลานโจวเดินทางต่อไปสู่เมืองจางเย่ มณฑลกานซู่ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เงียบสงบ เรียบง่าย ผู้คนเป็นมิตร อาหารอร่อย สะอาด และยังมีราคาที่ถูกอีกด้วย (จำได้ว่าดิฉันไปกินหม้อไฟ อิ่ม อร่อย ราคาถูก รู้สึกประทับใจจนต้องเอายาหม่องเขียวยี่ห้อหนึ่งที่นำมามอบให้คุณป้าเจ้าของร้านเพื่อเป็นของตอบแทน) หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จและ พักผ่อนอิ่มหนำสำราญแล้ว เช้าวันต่อมา คือการเดินทางไปชมเทือกเขาซีเหลียนซาน เทือกเขาสูงตระง่าน คดเคี้ยวดุจดั่งมังกรใหญ่นอนขดอยู่บนพื้นดิน และมีพื้นหญ้าที่เขียวขจีเป็นดั่งผ้าคลุม ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ยังมีฝูงน้องแพะน้องแกะที่กำลังดื่มด่ำกับยอดหญ้ารสโอชา นี่แหละหนาความลงตัวระหว่างสรรพสิ่งและธรรมชาติ เข้าใจเลยว่าทำไมสมัยต้นราชวงค์ฮั่น แม่ทัพหั้วชี่ปิ้ง(霍去病)ถึงขับไล่ชนเผ่าซฺยงหนู(匈奴) จนชาวซฺยงหนูร่ำไห้ โอ้ซีเหลียนซาน สูญเสียเจ้าประดุจสูญเสียเครื่องห่มอาภร สูญเสียเจ้าประดุจสูญสิ้นปศุสัตว์ทั้งหก《匈奴歌》

     เทือกเขาซีเหลียนซาน ที่ราบสูงที่อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าและลำธาร เป็นจุดยุทธศาสตร์แห่งขุมทรัพย์ของชนเผ่าน้อยใหญ่ เช่น ชนเผ่าซฺยงหนู ซึ่งมีการบุกรุกจากชนเผ่าฮั่นมาโดยตลอด จนท้ายที่สุดถูกจักรพรรดิฮั่นอู๋ตี้ขับไล่ไปจนหมดสิ้น เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจเหล่านี้ทำให้ดิฉันเข้าใจความรันทดของชาวซฺยงหนูจากเนื้อเพลง《匈奴歌》ได้อย่างลึกซึ้งเมื่อได้เดินทางมาสัมผัสซีเหลียนซานแห่งนี้

     ลาจากซีเหลียนซานแล้วมุ่งหน้าเดินทางสู่ดินแดนแห่งจินตนาการ ภูเขาสายรุ้ง(七彩丹霞) แล้วหยุดมองมองความงามแสงของพระอาทิตย์ยามอัสดงที่สาดส่องลงมาสู่ธรณีสีรุ้ง ทำให้เราตกตะลึงกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ภายใต้การหล่อหลอมของธรรมชาติ เหลือไว้ซึ่งภูเขาธรณีสีรุ้งที่สวยงามตระการตาเช่นนี้

สถานีที่สี่ ตุนหวง

     ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนร่องรอยแห่งอารยธรรมเส้นทางสายไหม ณ เมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ที่นี่มี“ถ้ำมั่วเกา”(莫高窟) ภูเขาทรายที่ถูกแกะสลักทั้งลูกด้วยแรงศรัทธาแห่งพระพุทธศาสนา ที่นี่มีเสียงลำนำของทะเลทราย“ภูเขาหมิงซาซาน”(鸣沙山) และที่นี่ยังมีโอเอซิสที่หลายคนเห็นในซีรีย์จีนเรื่องลำนำรักทะเลทราย“ทะเลสาปพระจันทร์เสี้ยว”(月牙泉)

     ตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ เมืองตุนหวงเป็นเมืองที่รุ่งโรจน์ เป็นหนึ่งในสมรภูมิสำคัญของเส้นทางสายไหม เป็นศูนย์กลางของการติดต่อซื้อขายระหว่างประเทศจีนและประเทศแถบทิศตะวันตกของประเทศจีนในสมัยนั้น เพราะฉะนั้นที่นี่จึงปรากฏร่องรอยศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือถ้ำแห่งพุทธศิลป์จีน“ถ้ำมั่วเกา”ภูเขาทรายที่ตั้งตระหง่านกลางทะเลทราย ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปนับพันองค์ พุทธประติมากรรม งานแกะสลักพระพุทธทั้งองค์ด้วยถ้ำภูเขาทั้งลูก สิ่งที่เห็นด้วยตาคืองานศิลปะชั้นเลิศ สิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจคือพลังแรงศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อพระพุทธศาสนาของผู้คนสมัยนั้น นับว่าเป็นความโชคดีมากที่ได้เห็น

     ออกจากถ้ำมั่วเกานั่งรถต่อจนถึงทะเลทรายหมิงซาซาน ภาพที่อยู่ตรงหน้าดิฉันคือภูเขาทะเลทรายขนาดมหึมา และหนองน้ำรูปร่างทรงจันทร์เสี้ยวตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางทะเลทราย ประดุจจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่ท่ามกลางนภาในยามราตรี

     คนไทยอย่างดิฉันตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นทะเลทรายขนาดกว้างใหญ่ไพศาลจรดขอบฟ้าเช่นนี้ ดิฉันยืนตะลึงในภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าอยู่นาน ขณะที่ลมทะเลทรายพัดโชยเข้ามา ในใจก็คิดไปต่างๆ นานา ทุ่งหญ้าให้ความรู้สึกเย็นตาสบายใจ ส่วนทะเลทรายนั้นกลับให้ความรู้สึกอ้างว้างสะท้านใจ มองไปในระยะไกลก็เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวขี่อูฐ อูฐเดินตามเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้อย่างเชื่องช้า สมัยก่อนพ่อค้าต่างๆก็คงเดินทางอย่างนี้เช่นกัน มนุษย์เราตัวเล็กนักเมื่ออยู่ท่ามกลางทะเลยทราย ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่ผู้คนสมัยนั้นก็ยังเดินทางข้ามฟ้าข้ามทะเลทรายจนทำให้เราได้รู้จักกันเช่นทุกวันนี้ นี่แหละหนาความยิ่งใหญ่ของสิ่งมีชีวิต

     เอาล่ะ ดิฉันขอแชร์ประสบการณ์การเดินทางไว้เพียงแค่นี้ ประเทศจีนอันยิ่งใหญ่และสวยงามอ่านในหนังสือเพียงอย่างเดียวหรือจะริสู้ก้าวออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง

อ้างอิง

https://baike.baidu.com/.../%E7%A7%A6%E5%A7%8B%E7.../196224

出自李白《将进酒》

出自西汉诗人佚名的作品《匈奴歌》

https://baike.baidu.com/.../%E8%8E%AB%E9%AB%98%E7.../303038

  • 73