ข้อมูลกระทรวงศึกษาธิการจีนได้เปิดเผยว่า ในปี 2564 มีนักศึกษาที่จบใหม่จะเข้าสู่สังคม จำนวน 9.09 ล้านคน แต่มีนักศึกษาจำนวนเกือบ 8 ล้านคนกังวลว่าจะหางานไม่ได้ ประกอบกับข้อเมื่อปี 2563 แสดงให้เห็นว่า การขาดแคลนแรงงานด้านเทคนิคและด้านอาชีพในประเทศจีนมากกว่า 19 ล้านอัตรา และจำนวนดังกล่าวจะสูงถึง 30 ล้านอัตราใน 5 ปีต่อมา กลุ่มนักศึกษาหางานยาก ส่วนด้านผู้ประกอบการขาดแคลนแรงงานมาก แสดงว่ามหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตที่ไม่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานจีนในปัจจุบันนี้
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นจึงต้องปฏิรูป ขั้นแรก ประกาศนโยบายอุดหนุนสถาบันการศึกษาด้านอาชีพ เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์การจัดการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยขึ้นใหม่ ในปี 2564 นี้ มีมหาวิทยาลัยจำนวน 5 แห่ง ได้รวมตัวกับวิทยาลัยอาชีวศึกษา ซึ่งกำหนดชื่อเป็นมหาวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิค หรือมีอีกชื่อเรียกว่า “กาวจื๋อเปิ๋นเคอ” มลฑณหูหนานและเหอเป่ยล้วนเป็นผู้นำในการตอบสนองต่อนโยบาย ซึ่งหมายความว่านักศึกษาระดับปริญญาตรีอาชีวศึกษาระดับสูงได้กลายเป็นทิศทางทั่วไปของการศึกษา เมื่อได้กำหนดทิศทางชัดเจนแล้วก็ยังมีคำถามเกิดขึ้นว่า ถ้านักเรียนไม่เลือกสมัครเข้าเรียนแล้วจะทำอย่างไรดี? จึงนำมาสู่การปฎิรูป
ขั้นที่สอง ประกาศให้ยุบโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ โดยมีเหตุผลมาจากผู้ปกครองอยากให้ลูกสอบได้คะแนนดีกว่าเด็กคนอื่น สามารถสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง จึงส่งลูกไปโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ ทำให้ต้นทุนการศึกษาและการเลี้ยงลูกสูงขึ้น การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ครอบครัวที่ฐานะยากจนไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกับเด็กที่มีฐานะดีกว่า ส่งผลให้สังคมจะมีฐานะต่างกันไปยังสองขั้ว ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่ต้นทาง จึงได้ออกประกาศนี้ขึ้น เพื่อให้ประกาศดังกล่าวได้ประสิทธิผล รัฐบาลได้ออกหมายให้โรงเรียนกวดวิชา จำนวน 13 แห่ง เสียค่าปรับสูงสุด ในวันเด็กแห่งชาติจีนที่ผ่านมา ต่อจากนั้น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเซินเจิ้นก็เริ่มลงโทษโรงเรียนกวดวิชาต่าง ๆ ถึงตรงนี้แล้วอาจมีคนสงสัยว่า แค่นี้ เด็ก ๆ ก็จะได้รับโอกาสการศึกษาเท่าเทียมกันอย่างนั้นหรือ? แล้วชุมชนที่อยู่ในเขตพื้นที่การศึกษาก็ยังได้โอกาสที่ดีกว่าอยู่ดี
รัฐจึงได้ปฏิรูปขั้นที่สาม เขตซีเฉิน นครปักกิ่งได้ริเริ่มประกาศยกเลิกนโยบายการเคหะเขตโรงเรียน เมืองหนิงโปได้ออกนโยบายราคาบ้านอ้างอิงตามรัฐบาลกำหนดสำหรับบ้านที่อยู่ในเขตพื้นที่การศึกษา เซี่ยงไฮ้ได้ออกนโยบายกระจายโคต้าการเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเท่าๆ กัน การดำเนินการปฏิรูปทั้งสามทำให้การปั่นราคาบ้านในเขตพื้นที่การศึกษาแบบระบบทุนนิยมถูกกำจัดออกไป
ในระยะทางอันยาวไกลของการศึกษา การจัดระบบการศึกษา รัฐได้กำหนดทิศทางให้ผู้เรียนสามารถรับโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ผู้ปกครองจะสบายขึ้นโดยทุนการศึกษาของลูกลดลง ภาระการเลี้ยงดูลูกเบาขึ้น ผู้เรียนจะสบายขึ้นโดยไม่ต้องกดดันแข่งแข็นกันในด้านใดด้านหนึ่งจนเกินไป จะเน้นเรียนรู้ทักษะเทคนิคต่าง ๆ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะกลายเป็นมหาวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิค
นี่หมายความว่ามหาวิทยาลัยแบบเดิมจะหายไปหรือไม่?ไม่แน่นอนซึ่งคลิปของผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาจีน ศาสตราจารย์หวัง เหวินจ้าน ที่ได้เผยว่า ในอนาคต การสอบ “กาวข่าว” (การสอบเข้ามหาวิทยาลัย) จะทดสอบภาษาจีนเป็นหลัก และภาษาจีนนั้น จะเน้นสอบการเขียน กลายเป็นคลิปยอดฮิตและโด่งดังไปทั่วสังคมจีน สามารถให้เราหาคำตอบได้ว่า ในอนาคตมหาวิทยาลัยทั่วไปจะต้องมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตให้เป็นนักวิชาการ นักคิด นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ความหมายลึกซึ้งคือ ในอนาคตมหาวิทยาลัยทั่วไปจะคัดเลือกเฉพาะนักศึกษาที่มีคุณสมบัติของการคิดเชิงลึกเท่านั้น ส่วนคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีนั้นเป็นทักษะทางด้านวิชาชีพ ซึ่งหมายความว่าเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยทั่วไปจะยกระดับสูงขึ้น คนส่วนใหญ่ จะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิค และความหมายที่แท้จริงของคำว่า “นักศึกษา” จะต้องนึกถึงอนาคตของประเทศและอนาคตของสังคม
ที่มา :
教育部、人力资源社会保障部、工业和信息化部 (2017年2月14日)《制造业人才发展规划指南》http://www.moe.gov.cn/.../201702/t20170214_296162.html 中国教育部网 [ 2021/10/17]
孙竞(2021年5月13日)《今年全国高校毕业生达909万 教育部:支持多渠道灵活就业》http://edu.people.com.cn/n1/2021/0513/c1006-32102447.html 人民网-教育频道 [2021/10/17]
刘淑芬(2021年7月16日)《《新高考三大主科独尊语文?顶级专家独家释疑》
https://www.163.com/edu/article/GF1P9I8L00297VGM.html 网易教育[2021/10/17]
梦园早知道(2021年9月11日)《教育改革,你看明白了吗?改革之后,你的孩子能考上大学吗? 》 http://www.manyanu.com/new/e5ff70c30d7f4db692ed0e072ee01e9d 娱乐新闻网 [ 2021/10/17]