เมื่อ “เห-มา-ยัน” มาเยือน: ภาษาและวิถีจีนในวัฏจักรเวลา

หมวดหมู่ข่าว: sclc-ชีพจรจีน

คอลัมน์ออนไลน์ "ชีพจรจีน" ประจำเดือนธันวาคม 2567

เรื่อง เมื่อ “เห-มา-ยัน” มาเยือน: ภาษาและวิถีจีนในวัฏจักรเวลา

โดย อาจารย์รัชฎาพรรณ วงษ์เลี้ยง (อาจารย์ประจำสำนักวิชาจีนวิทยา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง)   

          “วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน”(时光荏苒shíjiān rěn rǎn)พริบตาเดียวธันวาคมก็มาเยือนซะแล้ว ช่วงปลายปีมีเทศกาลสำคัญหลายเทศกาล แต่สำหรับชาวจีนแล้วเทศกาลตงจื้อที่จะมาถึงเสมือนวันสิ้นปีเก่า ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลที่สำคัญไม่แพ้เทศกาลตรุษจีนเลย

นิยามนามเรียก

          “เทศกาลตงจื้อ”(冬至节Dōnɡzhì Jié)คนไทยเชื้อสายจีนมักเรียก “เทศกาลตังโจ่ย” ตามสำเนียงแต้จิ๋ว ส่วนสำเนียงจีนกลางออกเสียงว่า “ตงจื้อ” นอกจากสำเนียงภาษาถิ่นพาเพลินแล้ว ตามปฏิทินสุริยคติจะหมายถึง “เทศกาลเหมายัน” (หลายคนอาจจะอ่านว่า ‘เหมา-ยัน’ แต่ที่จริงคำนี้ควรอ่านว่า ‘เห-มา-ยัน’ ถอดมาจาก หิมะ+อายัน = หิมะมาถึง) คือ ปรากฏการณ์ที่ช่วงระยะเวลาที่พระอาทิตย์โคจรผ่านจุดใต้สุดของเส้นศูนย์สูตร มักจะตรงกับวันที่ 21, 22 หรือ 23 ธันวาคมของปีนั้น ๆ ในวันนี้กลางคืนจะยาวที่สุดในรอบปี ชาวจีนเรียกวันเหมายันว่า “ตงจื้อ”(冬至)ตงจื้อเป็นทั้งชื่อเทศกาลและยังเป็นชื่อเรียกของหนึ่งใน 24 ฤดูกาลย่อยที่สำคัญอีกด้วย(24节气 Jiéqì)นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมเรียกเทศกาลตงจื้ออีกชื่อหนึ่งว่า “นับเก้า”(数九)ในประเพณีพื้นบ้านมีการนับ “นับเก้า” โดยเริ่มนับหนึ่งถึงเก้าแรกเป็น ‘หนึ่งเก้า’ (一九)และเริ่มนับ ‘หนึ่งเก้า’แรกในวันเหมายัน ดังนั้น ทุก ๆ เก้าวันจะนับเป็น ‘หนึ่งเก้า’ (一九)นับต่อไปจนถึง ‘เก้าเก้า’ (九九)เมื่อนับครบ ‘เก้าเก้า’ รวมเป็น 81 วันพอดี แสดงว่าฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาถึง อากาศจะค่อย ๆ คลายความหนาวลง นี่คือสุภาษิตจีนที่ใช้ประเพณีพื้นบ้าน “นับเก้า” “นับเก้าวันที่หนาวที่สุดในฤดูหนาว”(数九寒天 shǔ jiǔ hán tiān)ซึ่งจะตรงกับ ‘สามเก้า’ (三九)หรือ ‘สี่เก้า’(四九)ตามปฏิทินจีนโบราณมาสะท้อนภูมิปัญญาของคนโบราณที่อดทนต่อความหนาวเหน็บผ่านตัวภาษา และคนไทยเราจะรู้จักวันเหมายันในอีกชื่อหนึ่งว่า “ตะวันอ้อมข้าว” นั่นเอง

          “ประชาชนถือเรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า”(民以食为天)

          หากจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างภาษาและอาหาร คำภาษาจีนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปากเรื่องท้องนั้นมีมากมาย คำที่สะท้อนถึงความหมายของอาหารหรือการแสดงอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ผ่านคำเราก็มักได้ยินบ่อย ๆ สำหรับชาวจีนแล้วอาหารคาว-หวานถือเป็นสิ่งที่เชื่อมร้อยผู้คนเข้าไว้ด้วยกันมาอย่างยาวนานก็ดูจะไม่เกินจริง “ประชาชนถือเรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า”(民以食为天)เป็นอีกสำนวนสุภาษิตจีนที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเคยใช้บ่อย ๆ สำนวนนี้เข้าใจง่ายและใช้ไม่ยาก เช่น

          อาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีนหลากหลายจริง ๆ กินดื่มเกินกำลังมาหลายวันจนปวดท้องเลย เห็นทีที่พูดว่า “ประชาชนถือเรื่องปากท้องสำคัญเท่าฟ้า” ก็ดูมีเหตุมีผลดีนะ(春节的饮食真是丰富,几天的暴饮暴食害的我肚子疼。看来“民以食为天”真是有道理。)

          แม้ตรุษจีนจะเป็นวันปีใหม่ของจีน แต่ชาวจีนก็มักจะพูดว่า “เทศกาลตงจื้อสำคัญเทียบเท่าวันปีใหม่” (冬至大如年 Dōnɡzhì dà rú nián)สุภาษิตฮิตติดปากนี้ทำเข้าใจว่า “วันเหมายัน”หรือ “ตงจื้อ” มีความสำคัญสำหรับชาวจีน เพราะวันนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่ของดวงอาทิตย์ และการเริ่มต้นของวัฏจักรการโคจรใหม่ของดวงอาทิตย์ คนโบราณเชื่อว่าสรรพสิ่งระหว่างฟ้าและดินมีพลัง หยิน(阴)และหยาง(阳)เมื่อถึงวันเหมายัน พลังหยินจะอ่อนแรงและหมดสิ้นลง และพลังหยางจะเริ่มก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ดังสุภาษิตที่ว่า “ช่วงเวลาที่หยางเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”(一阳复始 yì yáng fù shǐ)สื่อถึงว่า การก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ การเริ่มต้นใหม่และวันขึ้นปีใหม่ของจีนกำลังจะมาถึงนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ชาวจีนโบราณจึงถือว่าวันเหมายันพลังหยางจะเริ่มกลับมาใหม่อีกครั้ง วันนี้จึงเป็นวันดี เป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทศกาลตงจื้อของจีนจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าวันตรุษจีนนั่นเอง

          หากจะพูดถึงเรื่องอาหารการกินในเทศกาลตงจื้อ อาหารคาว-หวานที่ผู้คนสืบทอดจนเป็นวัฒนธรรมนั้นมีความหมายและความสำคัญไม่แพ้พิธีกรรม เรามักจะเห็นบัวลอยสีขาวผสมสีชมพูปั้นจากแป้งข้าวเหนียวกินกับน้ำขิงร้อน ๆ บ่อย ๆ ชาวไทยเชื้อสายจีนเรียกบัวลอยที่ใช้ไหว้ในเทศกาลตงจื้อว่าขนม “อี๊” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ทังหยวน” (汤圆tānɡyuán) ในสมัยโบราณอาหารหรือขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้ามีมากมาย ผู้คนกินเพื่อให้อิ่มท้องและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายในฤดูหนาว โดยปั้นเป็นลูกกลม ๆ เล็ก ๆ วางผึ่งลมให้หมาดก่อนต้มกับน้ำตาลเพื่อให้ได้น้ำเชื่อมใส แม้ปัจจุบันพัฒนาด้วยการใส่ไส้คาว-หวาน แต่ยังคงวิธีการปั้นเป็นทรงกลมไว้เช่นเดิม เล่ามาถึงตอนนี้ ผู้อ่านเห็นภาพแล้วหรือไม่นะว่า รูปร่างของขนมอี๊เป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล ดวงอาทิตย์ หรือขนาดของเจ้าลูกทรงกลมก็อาจจะหมายถึงสมาชิกทุกวัยในครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในวันฉลองเทศกาลสำคัญ(团圆 tuányuán)

          นอกจากนี้ ในหลายพื้นที่ทางตอนเหนือของจีนผู้คนมีวัฒนธรรมการกินเกี๊ยว(饺子 jiǎozi)ในเทศกาลตงจื้อซึ่งจะต่างจากคนที่อยู่ทางใต้ของจีนที่เน้นกินบัวลอยเป็นหลัก เกี๊ยวไส้เนื้อมีไขมันจากเนื้อสัตว์ให้พลังงานสูง ผู้คนเชื่อว่าการกินเกี๊ยวเมื่อวันเหมายันมาถึงจะสามารถ “ขับไล่ความหนาวเย็น” ในร่างกายได้ จนถึงทุกวันนี้สุภาษิตพื้นบ้านกล่าวว่า “วันเหมายันไม่ยกชามเกี๊ยว หูก็จะแข็งจนหลุดและไม่มีใครช่วยดูแล” (冬至不端饺子碗,冻掉耳朵没人管)สำนวนสุภาษิตพื้นบ้านเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความสำคัญของอาหารประจำเทศกาล และยังสื่อถึงการดูแลสุขภาพในฤดูหนาวและการปกป้องร่างกายจากความหนาวเย็นอีกด้วย

          ยามเมื่อ “เห-มา-ยัน” กำลังจะมาเยือน

           จะว่าไปคำหรือสำนวนภาษาจีนต่างก็สะท้อนวิถีชีวิตและภูมิปัญญาที่ซ่อนเร้นอยู่ของผู้คนในสมัยโบราณได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การเรียนภาษาไม่เพียงแต่มุ่งเน้นเรื่องการใช้คำหรือประโยคได้อย่างถูกต้อง การทำความเข้าใจในรากเหง้าของภาษาซึ่งมักจะถักทอเรื่องราวของผู้คนในสังคมก็สำคัญเช่นกัน ดังเช่นวันเหมายันหรือเทศกาลตงจื้อที่ไม่เพียงแต่แสดงการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลย่อย เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธรรมชาติ แต่ยังสะท้อนสายใยวัฒนธรรมและความสำคัญของครอบครัวในสังคมจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณอีกด้วย หากเราสามารถเข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของเรื่องราวเหล่านี้ได้ก็เหมือนเราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของชาวจีนอีกครั้ง เทศกาลไม่เพียงแต่จะเป็นประตูสู่การพาเราไปเรียนรู้เรื่องราวที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ตัวอักษร ยังจะทำให้เราได้เข้าใจถึงความเชื่อมโยงอันงดงามระหว่างอดีตและปัจจุบัน เฉกเช่นยามเมื่อ “เห-มา-ยัน” กำลังจะมาเยือน

          สุดท้าย ผู้อ่านลองทายดูว่าบทความนี้สอนสำนวนสุภาษิตจีนกี่สำนวน และ“雨后春笋”“月圆花好”เป็นสุภาษิตที่สัมพันธ์กับเทศกาลอะไร

รายการอ้างอิง

中小学第二课堂网.(2024, October 30). 《2024年冬至,时间、习俗和传统活动》.

https://mp.weixin.qq.com/s/OmCAuV45nwdBpw2Ci1Swog

สุชาดา ลิมป์. (2560). เล่าขานเทศกาลจีน. นิตยสารสารคดี, 32(383), 20-21. https://issuu.com/sarakadeepress/docs/ebook_skd383

  • 12 ครั้ง