นาทีนี้เหล่าสาวก AI คงไม่มีใครไม่รู้จัก DeepSeek(深度求索)ซึ่งเป็น AI น้องใหม่สัญชาติจีนที่มาแรงแซงทางโค้งแบบสุด ๆ ทำให้เป็นที่กล่าวขวัญของผู้คนทั้งในวงการและนอกวงการ ว่านี่คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์ความสำเร็จที่ตอกย้ำการก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีของจีน บทความนี้จึงขอชวนทุกคนมาทำความรู้จักน้องปลาวาฬตัวนี้ซักหน่อย
ผู้เขียนได้ลองเข้าใช้งานโปรแกรม AI Chatbot อย่าง Deepseek-V3 ซึ่งมีหน้าตาและวิธีการใช้งานที่คล้ายกับรุ่นพี่อย่าง Chat-GPT โดยมีกรอบสนทนาให้เราได้พูดคุยโต้ตอบกับโปรแกรม โดยผู้เขียนได้ขอให้ DeepSeek แนะนำตัวเอง ซึ่งคำตอบที่ได้คือ “ สวัสดีค่ะ! ฉันคือ Deepseek-V3 เป็น AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลต่าง ๆ แก่คุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไป การเรียน การทำงาน หรือแม้แต่คำแนะนำต่าง ๆ ก็สามารถถามมาได้เลยนะคะ ยินดีช่วยเหลือเสมอค่ะ ” ในขณะเดียวกันก็ลองถาม Chat-GPT ว่ารู้จัก Deepseek มั้ย? คำตอบที่ได้คือ “ Deepseek เป็นอะไรกันแน่? มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือแนวโน้มใหม่หรือเปล่า?” เมื่อพยายามถามต่อ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “ดูเหมือนว่า "Deepseek" อาจจะเป็นชื่อของบริษัทหรือเทคโนโลยีบางอย่าง แต่ในตอนนี้ ฉันยังไม่พบข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับมัน ถ้าคุณมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้เกี่ยวกับคำนี้ เช่น มันเป็นเครื่องมืออะไรหรือที่เกี่ยวข้องกับอะไร ฉันอาจจะสามารถช่วยหาข้อมูลที่ตรงกับคำถามของคุณได้มากขึ้นครับ” (ศึกษาคู่แข่งหน่อยก็ดีนะคุณพี่!!!)
และเมื่อลองหาข้อมูลผ่าน Search Engine เจ้าใหญ่ของจีนอย่าง Baidu(百度)ก็มีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าปลาวาฬตัวนี้ไว้ใน BaiduBaike(百度百科)โดยมีการแสดงข้อมูลทั้งในด้านของประวัติความเป็นมา(发展历程)ผลิตภัณฑ์หลัก(主要产品)และเหตุการณ์สำคัญต่างๆ (产品事件)ฯลฯ ซึ่งในข้อมูลระบุว่า DeepSeek มีชื่อเต็มว่า Hangzhou DeepSeek Artificial Intelligence Basic Technology Research Co., Ltd. (杭州深度求索人工智能基础技术研究有限公司)เป็นบริษัทเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2023 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ขั้นสูง (LLM) และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ขอบเขตทางธุรกิจครอบคลุมถึงการบริการทางเทคนิค การพัฒนาเทคโนโลยี และการพัฒนาซอฟต์แวร์ ฯลฯ
ส่วนเจ้า DeepSeek-V3 ที่ผู้เขียนทดลองใช้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าว ที่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024 และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 อย่างเป็นทางการ โดยโมเดลนี้ใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงเสริมแรง (Reinforcement Learning) ซึ่งช่วยยกระดับความสามารถในการใช้เหตุผลของโมเดลได้อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะใช้ข้อมูลที่มีป้ายกำกับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้ง DeepSeek-V3 และ DeepSeek-R1 ซึ่งเป็นโมเดลขนาดใหญ่ 2 โมเดลจาก DeepSeek ต่างก็มีต้นทุนต่ำ แต่กลับมีประสิทธิภาพที่ทัดเทียมกับ OpenAI ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเทคโนโลยีใน Silicon Valley เป็นอย่างมาก และยังส่งผลให้ Meta ยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกาต้องตื่นตัวกับความก้าวหน้านี้ด้วย (สรุปก็คือลงทุนน้อยแต่ประสิทธิภาพสูง)
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ DeepSeek คือ ทีมงานผู้พัฒนาโมเดล AI ต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาล้วนเป็นคนหนุ่มสาวชาวจีนที่มีอนาคตไกล ซึ่งทีมงานของ DeepSeek ไม่ใหญ่ โดยมีจำนวนไม่ถึง 140 คน วิศวกรและบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาส่วนใหญ่ล้วนมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศจีน เช่น มหาวิทยาลัยชิงหัว มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยจงซาน และมหาวิทยาลัยไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง ซึ่งผู้ก่อตั้งอย่างเหลียง เหวิน เฟิง(梁文锋)ก็จบจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ทำให้ในทีมแทบไม่มี "นักวิจัยที่กลับมาจากต่างประเทศ" เลย และระยะเวลาทำงานของพวกเขาก็ไม่ยาวนาน หลายคนยังเป็นนักศึกษาปริญญาเอก แม้กระทั่งผู้บริหารของทีมก็ยังเป็นคนที่อายุน้อยมาก
DeepSeek จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง milestone ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ซึ่งความสำเร็จนี้ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากการวางนโยบายและแผนงานที่ชัดเจนของจีนเพื่อผลักดันให้ตนเองขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นแผนพัฒนา AI ระดับชาติ (New Generation AI Development Plan) การลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน (Data Centers, เครือข่าย 5G, Smart Cities) การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D) กฎหมายและมาตรฐานส่งเสริมการใช้งาน AI รวมถึงการส่งเสริมสตาร์ทอัพและบริษัทเทคโนโลยี
รายการอ้างอิง
BaiduBaike. (n.d). DeepSeek. https://baike.baidu.com/item/DeepSeek/65258669
北京大学新闻网. (2025).“东方神秘力量”爆火,DeepSeek背后的年轻人. https://news.pku.edu.cn/.../15ac0b3e79244efa88b03a570cbcb...